“อธิบดียุทธนา” เดินหน้าแจกสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ พร้อมจัดตลาดชุมชน จังหวัดอุบลราชธานี ตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2563 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วยนางสาวสุภัทรา ส่องประทีป ผู้อำนวยการกองพัฒนาธุรกิจและศักยภาพที่ราชพัสดุ นายสมมาตร มณีหยัน ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการสำรวจและฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ และคณะ ลงพื้นที่แจกสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามนโยบายเรื่องลดความเหลื่อมล้ำของสังคมด้านที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” พร้อมจัดตลาดชุมชน ภายใต้โครงการ “เปลี่ยนชุมชน เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ” ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยังยืน ณ  ห้องประชุมราชธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 ตำบลในเมือง  อำเภอเมืองอุบลราชธานี  จังหวัดอุบลราชธานี ในการนี้ นายไพโรจน์ คุ้มทรง ธนารักษ์พื้นที่อุบลราชธานี นายสมชาย จิรัตติกานนท์ ธนารักษ์พื้นที่ร้อยเอ็ด นายอุดร สีลาพันธ์ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ นายไสว สะอาด ธนารักษ์พื้นที่ศรีสะเกษ และนายณรงค์ศักดิ์ มะลิบัวดอกแก้ว ธนารักษ์พื้นที่อำนาจเจริญ ให้การต้อนรับ


นายยุทธนาฯ กล่าวว่า การมอบสัญญาเช่าในวันนี้ เป็นการมอบสัญญาเช่าให้กับประชาชนที่อาศัยทำกินและประกอบการเกษตร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ อบ.1 อบ.2441 และ อบ.1623 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 300 ราย โดยมีประชาชนบางส่วนเป็นผู้ป่วยไม่สามารถมารับมอบสัญญาเช่า ณ  ห้องประชุมราชธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 ได้ นายยุทธนาฯ จึงได้ลงพื้นที่มอบสัญญาเช่าให้ประชาชนกลุ่มนี้ที่บ้านพักด้วยตนเอง ในการนี้ ได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายเกริกชัย ผ่องแผ้ว มาร่วมมอบสัญญาเช่าและร่วมเป็นสักขีพยานด้วย จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ สำหรับการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุดังกล่าว สืบเนื่องมาจากรัฐบาลมีนโยบายการบริหารทรัพย์สินของประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและที่ดินทำกินของราษฎร โดยการรับรองสิทธิในการเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” โดยการจัดให้ผู้ครอบครองที่ราชพัสดุที่ครอบครองอยู่มาก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 ได้เช่าที่ราชพัสดุเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ทำกิน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมธนารักษ์ได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ทั่วประเทศจำนวนประมาณ 31,800 ราย และในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จะดำเนินการโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” อีกไม่ต่ำกว่า 30,000 ราย ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงค่าเช่าที่กรมธนารักษ์ควรจะได้รับ กับค่าเช่าที่กรมธนารักษ์จัดให้ประชาชนเช่าตามโครงการดังกล่าว จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่กรมธนารักษ์ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มอบให้กับประชาชน นั่นก็คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงถือว่าเป็นความคุ้มค่าที่มากกว่ารายได้ที่กรมธนารักษ์ควรจะได้รับเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับความกรุณาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาเปิดร้านตัดผมและร้านนวดให้บริการแก่ผู้มาร่วมงานฟรีด้วย


ต่อมา นายยุทธนาฯ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาดชุมชนตามโครงการ “เปลี่ยนชุม เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ” ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ราษฎรได้มีพื้นที่ในการนำสินค้าท้องถิ่นมาจำหน่าย อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและมีรายได้ หมุนเวียนภายในชุมชน ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มีนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยบูรณาการทำแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรูปธรรม ตามแนวทางกลยุทธ์ 3 สร้าง คือ 1) สร้างความรู้ สร้างอาชีพ 2) สร้างตลาด สร้างรายได้ และ 3) สร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยในวันนี้มีร้านค้ามาร่วมในโครงการประชุม 50 ร้านค้า


สุดท้ายนี้ นายยุทธนาฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์จะยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

#สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สภท.56ปี)
#นุช​ อินเตอร์​นิวส์​ออนไลน์​//รายงาน​
.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed