พล.ต.ท. ต่อศักดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือดตั้ง
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 65 ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. /พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./ พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. /พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. / ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง ในห้วงวันที่ 9 -20 พ.ค.65 มีรายละเอียด ดังนี้ 1.จับกุมบุคคลตามหมายจับ 409 คดี ผู้ต้องหา 400คน /2.ความผิดเกี่ยวกับการพนัน 544คดี จับกุมผู้ต้องหาได้571คน /3.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 284คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 286คน /4.ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2605คดี จับผู้ต้องหา 2627คน /5. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 34คดี จับกุมผู้ต้องหา 42คน /6.ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 419 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 419คน/7.ความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 16คดี/ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร 1คดี จับผู้ต้องหา2คน รวมผลระดมการกวาดล้างคดีอาชญากรรมก่อนการเลือกตั้ง สามมารถจับกถมผู้กระทำความผิด 4,312คดี ผู้ต้องหา4,347คน
ทั้งนี้สามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ แยกเป็นคดีที่เกี่ยวกับ1. พ.ร.บ.อารุธปืน ตรวจยึดอาวุธปืน 26 กระบอก/ เครื่องกระสุนปืน 583 นัด/วัตถุระเบิด 3 ลูก/พลุ/ประทัด 3 นัด 2พ.ร.บ.ยาเสพติด ตรวจยึดยาบ้า 438,961เม็ด/ยาไอซ์ 1139.698 กรัม/เคตามีน95.89 กรัม/เฮโรอีน 11.04 กรัม
3.ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร สามารถตรวจยึดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 177 แผ่น/สำเนาทะเบียนรถป้ายแดง 107 เล่ม/แผ่นอลูมิเนียมสำหรับทำป้ายทะเบียนปลอม 116 แผ่น/เครื่องปั๊มและอุปกรณ์อื่นๆ อีก196 รายการ
โดยทั้งนี้มีคดีที่หน้าสนใจอยู่ด้วยกันหลายคดี คดีที่ 1จับกุมขบวนการลักลอบซุกยาบ้าในรถยนต์ลำเลียงยาเสพติดสู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดย สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 65 เวลาประมาณ 18.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่าได้รับการว่าจ้างจากนายซาการียา ให้ไปรับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 3กร-7284 กรุงเทพมหานคร ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปส่งที่จังหวัดนราธิวาส แต่จากการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว พบสิ่งของต้องสงสัย คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน ดำเนินการการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ทั้งหมด 67 ห่อ หรือประมาณ 396,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ของรถยนต์คันดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าสน.บางชันได้ติดตามหาข่าวจนกระทั่งวันที่ 16 พ.ค.65 สามารถทำการจับกุมตัวนายซาการียา อายุ 29 ปี และนายอับดุลเล๊าะฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายโดยเป็นการมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เป็นการกระทำเพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต”
คดีที่ 2 จับกุมคนร้ายก่อเหตุยิงลูกพี่ลูกน้องวัย37 เสียชีวิต ก่อนพบศพภายในคลองวังใหญ่ สืบเนื่องจากวันที่ 16 พ.ค.65 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้เสียชีวิตภายในคลองวังใหญ่ จึงแจ้งแพทย์นิติเวช และ พฐ. เข้าร่วมตรวจพิสูจน์ พบศพนายมนัส(สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปีเสียชีวิตบริเวณในคลองที่เกิดเหตุ สภาพเสียชีวิตลักษณะศพนอนคร่อม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ /สวมเสื้อลายสก็อตแขนยาวพับแขน/ สวมกางเกงยีนส์สีเข้มขาวยาว/คาดเข็มขัดหนังสีดำ/พบอาวุธมีดปลายแหลม ความยาวประมาณ 30 ซม. เหน็บอยู่ที่บริเวณเอวทางด้านซ้าย/ สวมถุงเท้าสีดำ/ สภาพร่างกายเน่าเปื่อย แต่ยังเผยให้เห็นรอยสักตามร่างกายโดยเฉพาะรอยสักบริเวณหน้าอกสักว่า “สราลี จำเริญ” จากการตรวจที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ปลอก และบนร่างกายพบรอยลูกกระสุนปืนที่บริเวณท้ายทอยจำนวน 1 นัด และที่บริเวณด้านข้างลำตัวอีก 1 นัด จากการประเมินของแพทย์คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 2-3 วัน จึงได้นำศพผู้ตายส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรพลิกศพ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ทำการติดตามผู้ก่อเหตุจากภาพจากกล้องวงจรปิด จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายดวง(สงวนนามสกุล) จึงได้เชิญตัวมาที่ สน.ประเวศ จากการสอบถามนายดวงให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงนายมนัส จนเสียชีวิตจริง โดยอ้างว่าในวันเกิดเหตุผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ได้ชวนไปทวงหนี้คนในละแวกที่เกิดเหตุ แต่ระหว่างทางเกิดมีปากเสียง และเห็นผู้เสียชีวิตทำท่าคล้ายจะชักอาวุธปืนออกมายิง จึงชักปืนที่พกติดตัวยิงสวน จากนั้นก็นำอาวุธปืนไปโยนทิ้งลงคลองแล้วหลบหนีไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหามีประวัติก่อคดีอาชญากรรมติดตัวหลายคดี และอยู่ระหว่างประกันตัวคดีร่วมกันชิงทรัพย์ ก่อนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ยังมีผลการจับกุมคดีที่มีรปภ.อายุ 56 ปี พกอาวุธปืนลูกซองยาว ไปทำงานในโรงเรียนย่านสัมพันธวงศ์ / จับกุมคนร้ายตบทรัพย์นักเรียน พื้นที่ สน.ปทุมวัน / จับกุมเยาวชนชาย 3 คน อายุ 16-17 ปี ใช้ปืนไทยประดิษฐ์ ข่มขู่เอาเสื้อนักศึกษาต่างสถาบัน ซึ่งทุกคดีจะดำเนินการขยายผลตรวจสอบ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และคดีที่เกี่ยวข้องเด็ก หรือเยาวชน เพื่อลดการเกิดคดีอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ในอนาคต
นุช อินเตอร์นิวส์//อินเตอร์นิวส์ออนไลน์//รายงาน094-6247683